กษัตริย์อาเธอร์กับอัศวินโต๊ะกลม

เรื่องของอาร์เธอร์แห่งบริเทนนั้น เป็นตำนานเล่าต่อกันมา
ซึ่งมีหลายเวอร์ชั่น มาก จะมีตัวตนจริงหรือไม่ ก็ไม่รู้แน่
รู้แต่ว่าเกิดขึ้นในช่วงยุคกลางของยุโรป ราวคริสต์ศตวรรษที่ 5 ซึ่งตอนนั้น เกาะอังกฤษ มีเผ่าชนเถื่อน บุกรุกราน
และสับสนวุ่นวายด้วยการรบรา ระหว่างฝ่าย ไบรตันพื้นเมืองกับแซกซัน จากเยอรมัน กษัตริย์
วอร์ติเกิร์น แห่งไบรตันได้อพยพผู้คนมาอยู่ที่เวลส์ โดยมีเด็กชายชื่อ เมอร์ลิน
มาด้วย เขาเป็นเด็กที่มีอำนาจเวทมนตร์ขลัง
เพราะมีบิดาเป็นพ่อมดและมารดาเป็นเจ้าหญิง
ต่อมาบัลลังก์ตกเป็นของ อูเธอร์ เพนดรากอน ผู้แอบมีสัมพันธ์สวาทกับเลดี้ ไอเยอร์น่า ภริยาดยุกแห่งคอร์นวอลล์ ซึ่งตำนานเล่าไว้พิลึกพิลั่นมากครับ คืออูเธอร์ได้จำแลงร่างเป็น ท่านดยุกและลอบมาร่วมรักกับไอเยอร์น่าในขณะที่ท่านดยุกไปทำศึก ทารกที่ปฏิสนธิขึ้นในครรภ์คืนนั้นก็คือ อาร์เธอร์นั่นเอง
อีก 15 ปีต่อมา อาร์เธอร์ได้ขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ทรง ปราบอริราชศัตรูจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะพวกแซกซัน สกอตแลนด์ ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ฯลฯ โดยมีเมอร์ลินผู้วิเศษ เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญ เมอร์ลินได้พาอาร์เธอร์ ไปเอาดาบ เอ็กซ์คาลิเบอร์ จากทะเลสาบ ซึ่ง นางฟ้า เลดี้ออฟเดอะเลค ได้ชูดาบนี้ขึ้นมา เหนือน้ำ แต่อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า เอ็กซ์คาลิเบอร์ เป็นดาบที่ปักอยู่บนแท่งหินศักดิ์สิทธิ์
จอกใบนี้พระเยซูได้ให้สานุศิษย์ใช้ดื่มไวน์ในการร่วมกินอาหารมื้อสุดท้าย
(The Last Supper) ของพระองค์
โดยเก้าอี้ตัวหนึ่งในโต๊ะอาหารว่างเปล่า เนื่องจากจูดาส อิสคาริอ็อต ได้ทรยศ
นำความไปแจ้งแก่พวกโรมัน ซึ่งโต๊ะที่ร่วมกินอาหารมื้อสุดท้ายนี้แหละครับ
เป็นแม่แบบโต๊ะกลมที่ชุมนุมของอัศวิน โดยเมอร์ลินได้แนะนำให้อูเธอร์ เพนดรากอน
สร้างเตรียมการไว้ล่วงหน้า และเช่นกันครับ เก้าอี้ตัวหนึ่งจะว่างเปล่าอยู่
ถือกันว่าเป็นเก้าอี้ มหันตภัย ผู้มีสิทธินั่งเก้าอี้ได้จะต้องเป็นอภิอัศวิน
แบบว่าซุปเปอร์ฮีโร่นั่นเทียว
แต่อีกตำนานหนึ่งกล่าว
เซอร์กาลาฮัด อัศวินผู้มาถึงโต๊ะกลมใน ช่วงหลังต่างหากที่เป็น ผู้ได้ครอบครอง
จอกใบนี้ เขาเป็นลูกชายลับๆของ แลนเซล็อตและได้รับจอกจาก
ผู้พิทักษ์ซึ่งเป็นญาติอาวุโสเช่นกัน เมื่อนำจอกกลับมายังโต๊ะกลม
เขาก็ได้สิทธิ์นั่งบนเก้าอี้มหันตภัยตัวนั้น ตำนานยังเล่าอีกว่า ต่อมากาลาฮัด, เปอร์ซิวาล และบอร์ 3 อัศวินผู้กล้า
ได้นำจอกศักดิ์สิทธิ์กลับคืนไปสู่นครเยรูซาเลม ผลงานนี้ทำให้กาลาฮัด
ได้ขึ้นสู่สวรรค์ แต่เปอร์ซิวาลเสียชีวิต มีแต่เซอร์บอร์ ผู้เดียวที่กลับสู่
คาเมล็อต วังแห่งกษัตริย์อาร์เธอร์
ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่อาณาจักรโรมันเข้ารุกรานเกาะอังกฤษ และก่อศึกกับพวกที่มาจากไอร์แลนด์และสกอตแลนด์ จากนั้นโรมันยังต้องป้องกันดินแดนอังกฤษจากพวกแซกซอนที่เริ่มรุกรานเกาะอังกฤษทีละเล็กทีละน้อย กลายเป็นช่วงเวลาสู้รบกันไปทั่ว
ต่อมาบัลลังก์ตกเป็นของ อูเธอร์ เพนดรากอน ผู้แอบมีสัมพันธ์สวาทกับเลดี้ ไอเยอร์น่า ภริยาดยุกแห่งคอร์นวอลล์ ซึ่งตำนานเล่าไว้พิลึกพิลั่นมากครับ คืออูเธอร์ได้จำแลงร่างเป็น ท่านดยุกและลอบมาร่วมรักกับไอเยอร์น่าในขณะที่ท่านดยุกไปทำศึก ทารกที่ปฏิสนธิขึ้นในครรภ์คืนนั้นก็คือ อาร์เธอร์นั่นเอง
อีก 15 ปีต่อมา อาร์เธอร์ได้ขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ทรง ปราบอริราชศัตรูจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะพวกแซกซัน สกอตแลนด์ ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ฯลฯ โดยมีเมอร์ลินผู้วิเศษ เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญ เมอร์ลินได้พาอาร์เธอร์ ไปเอาดาบ เอ็กซ์คาลิเบอร์ จากทะเลสาบ ซึ่ง นางฟ้า เลดี้ออฟเดอะเลค ได้ชูดาบนี้ขึ้นมา เหนือน้ำ แต่อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า เอ็กซ์คาลิเบอร์ เป็นดาบที่ปักอยู่บนแท่งหินศักดิ์สิทธิ์
กล่าวคือ
ในขณะที่อาร์เธอร์ยังเป็นทารกนั้น เมอร์ลินได้สร้างเสก แท่งหินขึ้นในลอนดอน
และป่าวร้องให้ผู้คนมาชุมนุมรับทราบ โดยเมอร์ลินได้ปักดาบเปลือยเล่มหนึ่ง
ไว้ในแท่งหินซึ่ง มีคำจารึกว่า
"ผู้ใดที่สามารถชักดาบขึ้นจากแท่งหินนี้ได้ เขาผู้นั้นจะได้ ครอบครองแผ่นดินทั้งปวงบนเกาะอังกฤษ"
แน่นอนว่า ผู้ที่ดึงดาบเล่มนี้ได้ก็ มิใช่ใครอื่น หนุ่มน้อยอาร์เธอร์นั่นเอง
หลังจากได้ครองราชย์ ศัตรูสำคัญคนหนึ่งของอาร์เธอร์ กลับกลายเป็นสาวลูกพี่ลูกน้องของ พระองค์ผู้มี นามว่า มอร์แกน เลอ เฟย์ เธอผู้นี้ก็มีอิทธิฤทธิ์เวทมนตร์ ดีแต่ว่าอาร์เธอร์มีเมอร์ลินคอยพิทักษ์อยู่
"ผู้ใดที่สามารถชักดาบขึ้นจากแท่งหินนี้ได้ เขาผู้นั้นจะได้ ครอบครองแผ่นดินทั้งปวงบนเกาะอังกฤษ"
แน่นอนว่า ผู้ที่ดึงดาบเล่มนี้ได้ก็ มิใช่ใครอื่น หนุ่มน้อยอาร์เธอร์นั่นเอง
หลังจากได้ครองราชย์ ศัตรูสำคัญคนหนึ่งของอาร์เธอร์ กลับกลายเป็นสาวลูกพี่ลูกน้องของ พระองค์ผู้มี นามว่า มอร์แกน เลอ เฟย์ เธอผู้นี้ก็มีอิทธิฤทธิ์เวทมนตร์ ดีแต่ว่าอาร์เธอร์มีเมอร์ลินคอยพิทักษ์อยู่
จุดใหญ่อันเป็นไฮไลต์ของตำนานก็คือ
เรื่องราวการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของบรรดา เหล่าอัศวินโต๊ะกลมของกษัตริย์อาร์เธอร์
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการออกตระเวนเพื่อค้นหา จอกศักดิ์สิทธิ์ (The Holy Grail) ของพระไครสท์
ซึ่งมีที่มาดังนี้ครับ

จอกศักดิ์สิทธิ์นั้น
โจเซฟ แห่ง อาริมาเธีย ได้ใช้รองรับพระโลหิตของจีซัส ที่หลั่งไหลลงมาด้วยคมหอก
ของโรมันในขณะที่พระองค์ถูกตรึงกางเขนอยู่
และหลังจากนั้นจอกนี้ก็ได้อันตรธานสาบสูญไป ซึ่งพ่อมดเมอร์ลินได้ระบุว่า
อัศวินใดที่สามารถค้นพบจอกศักดิ์สิทธิ์ เขาผู้นั้นจะสามารถครอบครองเก้าอี้ตัว
ที่ว่างเปล่าได้อย่างเต็มภาคภูมิและปลอดภัยจากคำสาป
นี่แหละ อัศวินทั้งหลายจึงต้องออกล่าจอกศักดิ์สิทธิ์กันอย่างจ้าละหวั่น เพื่อตำแหน่งอภิอัศวินอันเป็นสุดยอด
นี่แหละ อัศวินทั้งหลายจึงต้องออกล่าจอกศักดิ์สิทธิ์กันอย่างจ้าละหวั่น เพื่อตำแหน่งอภิอัศวินอันเป็นสุดยอด
อัศวินดังๆผู้เก่งกาจก็มีอาทิ กาเวน, แลนเซล็อต, เปอร์ซิวาล, กาลาฮัด ฯลฯ หากทว่าผู้ที่จะมีโอกาสเห็น
จอกศักดิ์สิทธิ์นั้น ต้องสมบูรณ์ครบถ้วน ในคุณสมบัติครับ อาทิ เซอร์แลนเซล็อต
แม้ว่าจะเป็นสุดยอดฝีมือเชิงยุทธ แต่ก็ มีมลทินจากการลอบรักกับ กวินีเวียร์
มเหสีของอาร์เธอร์ ซึ่งเป็นเจ้านายตัวเอง เขาจึงไม่มีสิทธิได้เห็นจอกสำคัญใบนั้น
ตำนานหนึ่งบอกว่า ผู้ค้นพบ จอกศักดิ์สิทธิ์คือ
เซอร์เปอร์ซิวาล ซึ่งหลังจากได้ตระเวนผจญภัย อย่างโชกโชนแล้ว เขาก็ได้มาถึงปราสาท
ที่เก็บจอกศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่ทำหน้าที่ พิทักษ์จอกคือ ลุงคนหนึ่งของเขาเอง
เขาได้รักษาพยาบาลลุงซึ่งกำลังป่วย อยู่จนหาย และลุงก็ได้มอบจอกศักดิ์สิทธิ์
ให้แก่เขา

หลังจากแลนเซล็อตกลับจากการค้นหา จอกศักดิ์สิทธิ์ด้วยความผิดหวังนั้น
เขาก็ได้แอบมีสัมพันธ์กับกวินีเวียร์ (ซึ่งบางตำนานกล่าวว่าทั้งสอง รักกันตั้งแต่
กวินีเวียร์ยังมิได้สมรสกับ อาร์เธอร์) เมื่อมอร์เดร็ด ได้เผอิญเห็นเข้า จึงเป็น
เรื่องใหญ่ อาร์เธอร์ กับแลนเซล็อต ซึ่งเคยรักใคร่เป็นสหายสนิท ก็ต้องแตกกัน
เหล่าอัศวิน แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งจงรักภักดีต่ออาร์เธอร์
อีกกลุ่มหนึ่งเข้าข้างแลนเซล็อต เกิดเป็นศึกกลางเมืองขึ้น
เหล่าอัศวินโต๊ะกลมส่วนใหญ่ ต่างเสียชีวิตในศึกครั้งนี้ และมอร์เดร็ด
ซึ่งต้องการเป็นใหญ่ ครอบครองบัลลังก์ ก็ถูกอาร์เธอร์สังหารด้วยหอก
แต่อาร์เธอร์เองก็ถูกอาวุธของ มอร์เดร็ดบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
ก่อนสิ้นพระทัย อาร์เธอร์ได้มอบ เอ็กซ์คาลิเบอร์ให้ เซอร์เบเดเวียร์ อัศวินที่ยังเหลืออยู่ เพื่อนำเอาไปคืนยัง ทะเลสาบ ถิ่นเดิมของมัน เมื่อเบเดเวียร์ขว้างดาบ วิเศษนั้นไป ในทะเลสาบ ก็มีแขนชูขึ้นจาก น้ำมารับดาบไป
พระศพของอาร์เธอร์ถูกนำล่อง ไปบนแพกัญญา โดยมีเทพธิดานางฟ้า ห้อมล้อม มอร์แกน เลอ เฟย์ กับเลดี้ออฟเดอะเลค ก็ร่วมไปในแพกัญญาด้วย แพนี้จะนำอาร์เธอร์ไปสู่ อวารอน อันเป็นดินแดนสรวงสวรรค์
ก่อนสิ้นพระทัย อาร์เธอร์ได้มอบ เอ็กซ์คาลิเบอร์ให้ เซอร์เบเดเวียร์ อัศวินที่ยังเหลืออยู่ เพื่อนำเอาไปคืนยัง ทะเลสาบ ถิ่นเดิมของมัน เมื่อเบเดเวียร์ขว้างดาบ วิเศษนั้นไป ในทะเลสาบ ก็มีแขนชูขึ้นจาก น้ำมารับดาบไป
พระศพของอาร์เธอร์ถูกนำล่อง ไปบนแพกัญญา โดยมีเทพธิดานางฟ้า ห้อมล้อม มอร์แกน เลอ เฟย์ กับเลดี้ออฟเดอะเลค ก็ร่วมไปในแพกัญญาด้วย แพนี้จะนำอาร์เธอร์ไปสู่ อวารอน อันเป็นดินแดนสรวงสวรรค์
เรื่องราวของกษัตริย์อาเธอร์เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่นักประวัติศาสตร์พยายามศึกษาความเป็นมาโดยตลอด และข้อสรุปที่มีตอนนี้คือ กษัตริย์อาเธอร์และเหล่าอัศวินโต๊ะกลม เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นราวศตวรรษที่ 12-13 โดยเหล่านักเขียนที่เคยอยู่ในสังคมศักดินายุคกลาง ซึ่งใช้รูปแบบการปกครองในสมัยนั้นเป็นข้อมูลการเขียน และระบุว่าเกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ Court of the Capetians ซึ่งปกครองฝรั่งเศสในช่วง ค.ศ.987-1328 และราชวงศ์ Plantagenets ของอังกฤษ แต่เขียนไปเขียนมา เรื่องกลับพลิกเป็นนิยายความกล้าหาญของเหล่าอัศวินโต๊ะกลม โดยสถานที่และเวลาช่วงเกิดเหตุของกษัตริย์อาเธอร์ย้ายวิกมาที่เกาะอังกฤษ ในช่วงค.ศ.500 ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนยุคจากการสิ้นสุดของอาณาจักรโรมันบรรจบกับการเริ่มต้นของยุคเมโรวินเจียน ซึ่งใช้เวลาราว 7 ศตวรรษ

ในช่วงเวลาอันสับสนนี้เอง ที่ปรากฏเรื่องราวของกษัตริย์อาเธอร์ ในข้อเขียนของพวกเนนนิอุส ซึ่งเป็นทั้งภาษาละตินและกัลลิก ระบุว่า อาเธอร์เป็นผู้นำกองโจรต่อต้านพวกแซกซอน โดยได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์อังกฤษ ทำให้ชนะศึกและยึดครองดินแดน Mont-Badon ซึ่งเชื่อว่าเป็นเมืองบาธในปัจจุบัน
ใน ค.ศ.516 ซึ่งเป็นยุคที่ว่างเว้นจากสงคราม ทำให้ชาวอังกฤษเริ่มฟื้นฟูอารยธรรมเซลติกขึ้นอีกครั้งเป็นเวลานาน จนกระทั่งเกิดการสู้รบใน Camlann ซึ่งเชื่อว่าอาจเป็นเขตคาเมลฟอร์ดในคอร์นวอลล์ ซึ่งอาเธอร์และมอร์เดรตฆ่ากันตาย และทำให้ประเทศเปิดประตูให้เหล่าศัตรูเข้ามารุกรานอีกครั้ง
ใน ค.ศ.516 ซึ่งเป็นยุคที่ว่างเว้นจากสงคราม ทำให้ชาวอังกฤษเริ่มฟื้นฟูอารยธรรมเซลติกขึ้นอีกครั้งเป็นเวลานาน จนกระทั่งเกิดการสู้รบใน Camlann ซึ่งเชื่อว่าอาจเป็นเขตคาเมลฟอร์ดในคอร์นวอลล์ ซึ่งอาเธอร์และมอร์เดรตฆ่ากันตาย และทำให้ประเทศเปิดประตูให้เหล่าศัตรูเข้ามารุกรานอีกครั้ง
ดังนั้นตามประวัติศาสตร์ที่ระบุมานี้ อาเธอร์ไม่ใช่กษัตริย์แต่เป็นเพียงนักรบ แต่เรื่องราวที่พลิกให้อาเธอร์เป็นกษัตริย์ที่ดีเลิศนั้นอาจเกิดขึ้นในช่วงฟื้นฟูเซลติก ที่นักเขียนต้องการสร้างตัวละครที่จะเป็นรูปแบบของตัวอย่างกษัตริย์ที่มีอุดมการณ์และสร้างสังคมที่เกิดความเท่าเทียมกันด้วยระบบ "โต๊ะกลม" ซึ่งทุกคนมีสิทธิเสนอความคิดเห็นและอำนาจที่เท่าเทียมกัน
ตำนานกษัตริย์อาเธอร์ พ่อมดเมอร์ลิน และเหล่าอัศวินโต๊ะกลม จึงเล่าขานต่อกันมาในหมู่ชาวอังกฤษ จนถึงศตวรรษที่ 12 กษัตริย์เฮนรี่ที่ 2 แห่งราชวงศ์ Plantagenet ของอังกฤษ ซึ่งทรงมีปัญหาในการบริหารการเมือง จึงรับสั่งให้นักเขียนประพันธ์เรื่องราวของกษัตริย์อาเธอร์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอำนาจทางจิตวิทยา
ตำนานกษัตริย์อาเธอร์ พ่อมดเมอร์ลิน และเหล่าอัศวินโต๊ะกลม จึงเล่าขานต่อกันมาในหมู่ชาวอังกฤษ จนถึงศตวรรษที่ 12 กษัตริย์เฮนรี่ที่ 2 แห่งราชวงศ์ Plantagenet ของอังกฤษ ซึ่งทรงมีปัญหาในการบริหารการเมือง จึงรับสั่งให้นักเขียนประพันธ์เรื่องราวของกษัตริย์อาเธอร์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอำนาจทางจิตวิทยา
เครดิต : http://board.postjung.com/506100.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น