- ช่างตีเหล็กกับปีศาจ
มีชายตีเหล็กคนหนึ่งยากจนกำลังจะอดตาย เขาได้พบกับปีศาจซึ่งยื่นข้อเสนอว่า จะให้เหรียญทองจำนวนมากถ้าเขายอมมอบวิญญาณให้ในอีกสามปีให้หลัง ช่างตีเหล็กคิดว่ายังไงตัวเองก็จะอดตายอยู่แล้วจึงยอมเซ็นสัญญา เมื่อได้เหรียญทองมาแล้วก็นำไปซื้อเครื่องมือมาทำงาน คราวนี้มีคนมาจ้างมากมายจนเขากลายเป็นคนรวยขึ้นมา
นักบุญเปโตรได้ยินข่าวลือเรื่องฝีมือของช่างตีเหล็ก จึงเดินทางมาจ้างงานเขา เมื่อได้งานดีตามที่ต้องการก็ดีใจมากและบอกว่าจะทำให้คำขอของช่างตีเหล็กเป็นจริงสามข้อ
ช่างตีเหล็กจึงขอ "ถุงตะปูที่ถ้าล้วงมือลงไปแล้วจะถอนมือไม่ออกจนกว่าช่างตีเหล็กจะอนุญาติ" "เก้าอี้ที่ถ้านั่งแล้ว จะลุกไม่ได้จนกว่าช่างตีเหล็กจะอนุญาต" กับ"ต้นแอ๊ปเปิ้ลที่ถ้าปีนแล้วจะลงไม่ได้จนกว่าช่างตีเหล็กจะอนุญาต"
เมื่อเวลาผ่านไปสามปี ปีศาจก็ส่งลูกศิษย์สามคนมาทวงวิญญาณของช่างตีเหล็ก หากเขาก็ใช้ของวิเศษทั้งสามอย่างเอาตัวรอดมาได้ จนในที่สุด ปีศาจก็มาด้วยตัวเอง
ช่างตีเหล็กท้าปีศาจให้แสดงอำนาจให้เห็น ปีศาจจึงแปลงร่างเป็นหนู ช่างตีเหล็กก็จับหนูยัดลงไปในถุงตะปูแล้วขู่ว่าจะปล่อยออกมาจนกว่าปีศาจจะมอบใบสัญญามาให้ เมื่อได้สัญญามาแล้ว เขาก็เผาทิ้งในทันที แล้วหลังจากนั้น ปีศาจก็ไม่ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเขาอีกเลย
- เด็กผู้หิวโหย
มีหญิงผู้หนึ่งมีลูกสาวสองคน ทั้งสามยากจนไม่มีอะไรจะกิน ผู้เป็นแม่ทนความหิวไม่ไหวจึงบอกว่าจะฆ่าลูกสาวกิน ลูกสาวจึงบอกว่าจะไปหาอาหารมาแล้วนำขนมปังชิ้นเล็กๆกลับมา แต่ก็ไม่อาจประทังความหิวของทุกคนได้
คราวนี้แม่บอกว่าจะฆ่าลูกสาวอีกคนกิน ลูกสาวจึงบอกว่าจะไปหาอาหารมา แล้วนำขนมปังกลับมาสองชิ้น แต่ก็ยังไม่พอบรรเทาความหิวได้อยู่ดี
แม่บอกว่าจะฆ่าลูกสาวอีก คราวนี้ลูกสาวบอกว่า"เรามานอนกันจนกว่าโลกนี้จะอวสานลงกันเถอะ" ทั้งสามจึงล้มตัวลงนอนเรียงกันและไม่มีใครสามารถปลุกพวกเธอให้ตื่น มีแต่คนแม่เท่านั้นที่หายตัวไปและไม่มีใครเห็นนางอีก
(.............ไม่รู้จะตีความยังไงดี............)
- นักบุญผู้กังวล
ยังมีหญิงสาวผู้เปี่ยมศรัทธาอยู่นางหนึ่ง เธอสาบานต่อพระเจ้าว่าจะไม่แต่งงาน หากก็ถูกพ่อบังคับ หญิงสาวจึงขอพรพระเจ้าให้เธอมีหนวดงอกออกมา คำขอนั้นกลายเป็นจริง หากพระราชาก็สั่งประหารหญิงสาวด้วยการตรึงกางเขน แต่เธอก็กลายมาเป็นนักบุญในภายหลัง
วันหนึ่งมีนักดีดพิณยากจนมาคุกเข่าหน้ารูปปั้นของเธอ หญิงสาวดีใจจึงทำรองเท้าทองคำหล่นให้เขาข้างหนึ่ง หากในไม่ช้าทุกคนก็มาตามหารองเท้าทองคำที่หายไปและพบว่าอยู่กับนักดีดพิณ เมื่อเขาถูกจับในฐานะขโมยก็ร้องขอว่าอยากจะไปที่โบสถ์อีกครั้ง พอไปถึงโบสถ์ นักดีดพิณก็เข้าไปคุกเข่าหน้ารูปปั้น แล้วนักบุญหญิงก็ทำรองเท้าหล่นลงมาอีกข้าง นักดีดพิณจึงสามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวเองบริสุทธิ์
มีชายตีเหล็กคนหนึ่งยากจนกำลังจะอดตาย เขาได้พบกับปีศาจซึ่งยื่นข้อเสนอว่า จะให้เหรียญทองจำนวนมากถ้าเขายอมมอบวิญญาณให้ในอีกสามปีให้หลัง ช่างตีเหล็กคิดว่ายังไงตัวเองก็จะอดตายอยู่แล้วจึงยอมเซ็นสัญญา เมื่อได้เหรียญทองมาแล้วก็นำไปซื้อเครื่องมือมาทำงาน คราวนี้มีคนมาจ้างมากมายจนเขากลายเป็นคนรวยขึ้นมา
นักบุญเปโตรได้ยินข่าวลือเรื่องฝีมือของช่างตีเหล็ก จึงเดินทางมาจ้างงานเขา เมื่อได้งานดีตามที่ต้องการก็ดีใจมากและบอกว่าจะทำให้คำขอของช่างตีเหล็กเป็นจริงสามข้อ
ช่างตีเหล็กจึงขอ "ถุงตะปูที่ถ้าล้วงมือลงไปแล้วจะถอนมือไม่ออกจนกว่าช่างตีเหล็กจะอนุญาติ" "เก้าอี้ที่ถ้านั่งแล้ว จะลุกไม่ได้จนกว่าช่างตีเหล็กจะอนุญาต" กับ"ต้นแอ๊ปเปิ้ลที่ถ้าปีนแล้วจะลงไม่ได้จนกว่าช่างตีเหล็กจะอนุญาต"
เมื่อเวลาผ่านไปสามปี ปีศาจก็ส่งลูกศิษย์สามคนมาทวงวิญญาณของช่างตีเหล็ก หากเขาก็ใช้ของวิเศษทั้งสามอย่างเอาตัวรอดมาได้ จนในที่สุด ปีศาจก็มาด้วยตัวเอง
ช่างตีเหล็กท้าปีศาจให้แสดงอำนาจให้เห็น ปีศาจจึงแปลงร่างเป็นหนู ช่างตีเหล็กก็จับหนูยัดลงไปในถุงตะปูแล้วขู่ว่าจะปล่อยออกมาจนกว่าปีศาจจะมอบใบสัญญามาให้ เมื่อได้สัญญามาแล้ว เขาก็เผาทิ้งในทันที แล้วหลังจากนั้น ปีศาจก็ไม่ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเขาอีกเลย
- เด็กผู้หิวโหย
มีหญิงผู้หนึ่งมีลูกสาวสองคน ทั้งสามยากจนไม่มีอะไรจะกิน ผู้เป็นแม่ทนความหิวไม่ไหวจึงบอกว่าจะฆ่าลูกสาวกิน ลูกสาวจึงบอกว่าจะไปหาอาหารมาแล้วนำขนมปังชิ้นเล็กๆกลับมา แต่ก็ไม่อาจประทังความหิวของทุกคนได้
คราวนี้แม่บอกว่าจะฆ่าลูกสาวอีกคนกิน ลูกสาวจึงบอกว่าจะไปหาอาหารมา แล้วนำขนมปังกลับมาสองชิ้น แต่ก็ยังไม่พอบรรเทาความหิวได้อยู่ดี
แม่บอกว่าจะฆ่าลูกสาวอีก คราวนี้ลูกสาวบอกว่า"เรามานอนกันจนกว่าโลกนี้จะอวสานลงกันเถอะ" ทั้งสามจึงล้มตัวลงนอนเรียงกันและไม่มีใครสามารถปลุกพวกเธอให้ตื่น มีแต่คนแม่เท่านั้นที่หายตัวไปและไม่มีใครเห็นนางอีก
(.............ไม่รู้จะตีความยังไงดี............)
- นักบุญผู้กังวล
ยังมีหญิงสาวผู้เปี่ยมศรัทธาอยู่นางหนึ่ง เธอสาบานต่อพระเจ้าว่าจะไม่แต่งงาน หากก็ถูกพ่อบังคับ หญิงสาวจึงขอพรพระเจ้าให้เธอมีหนวดงอกออกมา คำขอนั้นกลายเป็นจริง หากพระราชาก็สั่งประหารหญิงสาวด้วยการตรึงกางเขน แต่เธอก็กลายมาเป็นนักบุญในภายหลัง
วันหนึ่งมีนักดีดพิณยากจนมาคุกเข่าหน้ารูปปั้นของเธอ หญิงสาวดีใจจึงทำรองเท้าทองคำหล่นให้เขาข้างหนึ่ง หากในไม่ช้าทุกคนก็มาตามหารองเท้าทองคำที่หายไปและพบว่าอยู่กับนักดีดพิณ เมื่อเขาถูกจับในฐานะขโมยก็ร้องขอว่าอยากจะไปที่โบสถ์อีกครั้ง พอไปถึงโบสถ์ นักดีดพิณก็เข้าไปคุกเข่าหน้ารูปปั้น แล้วนักบุญหญิงก็ทำรองเท้าหล่นลงมาอีกข้าง นักดีดพิณจึงสามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวเองบริสุทธิ์
เด็กหญิงผมทอง กับหมีสามตัว
จุดจบของคนไม่มีมารยาท
เวอร์ชั่นที่คุณรู้
เวอร์ชั่นที่คุณรู้
จากนั้นฉากก็ปรากฏเจ้าของบ้านมา
เป็นหมีสามตัว ซึ่งเป็น พ่อ แม่ และลูก ทั้งสามเห็นสิ่งที่ผิดปกติในบ้าน
ชามข้าวต้มถูกคนกิน เก้าอี้มีคนนั่งแถมบางตัวยังหัก และเมื่อพ่อ แม่ ลูกหมี
เดินไปถึงห้องนอน พ่อหมีเห็นเตียงที่นอน มีรอยยับ จึงพูดว่า "ดูซิมีใครมาแอบนอนเตียงฉันก็ไม่รู้"
ลูกหมีเดินไปเตียงของตนเอง แล้วพูดว่า "ดูซิมีใครมาแอบนอนบนเตียงหนูก็ไม่รู้"
ฝ่ายสาวน้อยผมทองกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง สะดุ้งตื่นขึ้นมา ได้ยินเสียงหมี 3 ตัวพูดกันอยู่ใกล้เตียง
ก็ตกใจกลัว รีบกระโดดจากเตียง วิ่งหนีออกไปจากบ้านหมีทั้งสามโดยเร็วและนับตั้งแต่นั้นมา
หนูน้อยผมทองก็ไม่กล้าเดินเข้าไปในเขตบ้าน ของหมีสามตัวนั้นอีกเลย
เวอร์ชั่นเดิม:เวอร์ชั่นเดิมหมีสามตัวไม่ได้ใจดีกับสาวน้อยผมทองหรอก
ในนิทานต้นฉบับเดิมเมื่อสามหมีพบสาวน้อยผมทองบนเตียง หมีสามตัวฉีกขย่ำเธอ
จนร่างเละแยกเป็นชิ้นส่วน จากนั้นก็กินเธอเป็นอาหารเย็น
ส่วนฉบับเดิมที่สองเมื่อสาวน้อยผมทองลืมตาตื่นขึ้นมาและพบหมีสามตัวก็ตกใจมากเลยเลยกระโดดลงมาจากหน้าต่าง
แต่รู้สึกเธอจะกระโดดผิดท่า เธอลงพื้นพลาดเลยเกิดอุบัติเหตุคอหักตายคาที่
นี่คงเป็นจุดจบที่เหมาะสมสำหรับคนแปลกที่เข้าบ้านโดยไม่รับอนุญาตแล้วมั้ง
ฮันเทลกับเกรเทล
โศกนาฎกรรมที่บ้านขนม
เวอ์ชันกริมม์ :: เล่ากันว่าเป็นคดีหนึ่งในสมัยก่อน
ซึ่งตอนนั้นยุโรปสูตรทำขนมนั้นถือว่ามีค่ามาก
และเจ้าของสูตรขนมจะไม่เปิดเผยสูตรขนมให้แก่คนภายนอกรับรู้นอกเสียจากคนในครอบครัวเดียวกันเท่านั้น
ดังนั้นพวกเขาที่อยากรู้สูตรขนมปังจึงส่งสองเด็กเพื่อจารชนล้วงความลับเจ้าของสูตรขนม ซึ่งส่วนมากเป็นหญิงแก่ใจดี
และเมื่อเด็กสองคนถูกจับได้ หญิงแก่เลยจับเด็กมาขังและเลี้ยงดูอย่างดีโดยไม่ฆ่า อย่างไรก็ตามคนในหมู่บ้านได้ไปช่วยเหลือและฆ่าและเผาคนทำขนมปังนี้
และใช้นิทานเรื่องเล่านี้เพื่อปกปิดอาชญากรรมที่ก่อไว้
แต่กระนั้นแม้ทำเป็นนิทาน
เนื้อหาต่างๆ ยังคงแฝงไปด้วยความโหดร้ายเสมอ ในเวอร์ชั่นฝรั่งเศส
ในขณะที่แม่มดเผลอ เด็กสองคนได้จับแม่มดเชือดคอหอยเธออย่างรุนแรงและหลบหนีไป จบ!!
คนเป่าปี่ นี่คือบทเรียน
เวอร์ชั่นที่คุณรู้: The Pied Piper of
Hamelin หรือคนเป่าปี่
ปรากฏในนิทานพื้นบ้านของเยอรมันที่เล่าโดยสองพี่น้องกริมม์
เรื่องมีอยู่ว่ากาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่เมืองฮาเอลินในภาคกลางของเยอรมัน ปีคศ.1248 ได้ถูกกองทัพหนูเข้าก่อกวนโดยเดือดร้อนไปทุกบ้าน
พวกมันแพร่พันธุ์เป็นจำนวนมาก แล้วกัดแทะเสบียงอาหาร
อีกทั้งพวกมันยังเป็นพาหะนำโรคร้ายมาอีกด้วย
แม้แต่แมวก็ยังต้องหนีเพราะหนูมีจำนวนมากมายมหาศาล
ถึงขนาดจะเข้ามารุมทำร้ายแมวเสียด้วยซ้ำไป บรรดาชาวเมืองรับไม่ได้กับเหตุการณ์เหล่านี้
ต่างหาทางกันกำจัดพวกหนู
โดยพากันออกเงินจนได้ก้อนหนึ่งเพื่อให้เป็นรางวัลแก่ผู้ที่จะมาปราบหนูเหล่านี้ได้
จากนั้นก็มีคนต่างเมืองเดินทางมาที่นี่และรับอาสากำจัดหนูให้ แต่จนบัดนี้ก็ไม่มีใครอาสามาปราบฝูงหนูเหล่านี้เลย
ในยามนี้เองก็มีชายลึกลับผู้หนึ่งพร้อมกับปี่ที่เครื่องดนตรีคู่กายของเขาปรากฏตัว เขาอาสาจะปราบหนูให้ชาวเมืองแห่งนี้ และ ชาวเมืองก็ให้คำสัญญาว่าจะให้สิ่งตอบแทนใดๆก็ได้ตามที่เขาต้องการ เมื่อ ตกลงกับชาวเมืองเรียบร้อย ชายประหลาดก็หยิบปี่ถุงออกมาและเป่าเพลงที่แปลกประหลาด พร้อมกับออกเดินไป ท่ามกลางสายตาสงสัยของชาวเมืองนั้นเอง กองทัพหนูทั้งหลายก็ออกมาจากที่ซ่อนจากบ้าน จากโบสถ์ ทุกหนทุกแห่งจนกลายเป็นขบวนแถวยาวเมื่อได้ฟังเพลงจากปี่ของเขาอย่างหลงใหล แล้วคนประหลาดคนนั้นก็เริ่มเดินตรงออกจากหมู่บ้านพร้อมกับกองทัพหนูที่วิ่งตามหลังเขา จนไปถึงแม่น้ำเวเซอร์ที่ไหลผ่านหมู่บ้านแห่งนี้ ชายนักเป่าปี่ก็หยุดยืนอยู่ริมแม่น้ำ ในขณะที่ฝูงหนูพากันกระโจนลงน้ำไปเรื่อยๆ จนในไม่ช้าก็ไม่มีหนูเหลืออยู่แม้แต่ตัวเดียว และทั้งหมดก็จมน้ำตายในแม่น้ำนั้นเอง ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ปลอดจากการรบกวนของหนูเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นชายประหลาดก็มาทวงรางวัลจากชาวบ้าน แต่ชาวบ้านทั้งหลายเกิดความเสียดายเงินขึ้นมา จึงไม่ยอมจ่ายค่าตอบแทนให้ พร้อมกล่าวว่า"นายไม่ได้ ทำอะไรเสียหน่อย พวกหนูกระโดดลงน้ำไปเองต่างหาก"และยังขู่จะจับขังนักเป่าปี่อีกด้วยถ้าเขา ยังมามัวตื๊ออยู่
ในยามนี้เองก็มีชายลึกลับผู้หนึ่งพร้อมกับปี่ที่เครื่องดนตรีคู่กายของเขาปรากฏตัว เขาอาสาจะปราบหนูให้ชาวเมืองแห่งนี้ และ ชาวเมืองก็ให้คำสัญญาว่าจะให้สิ่งตอบแทนใดๆก็ได้ตามที่เขาต้องการ เมื่อ ตกลงกับชาวเมืองเรียบร้อย ชายประหลาดก็หยิบปี่ถุงออกมาและเป่าเพลงที่แปลกประหลาด พร้อมกับออกเดินไป ท่ามกลางสายตาสงสัยของชาวเมืองนั้นเอง กองทัพหนูทั้งหลายก็ออกมาจากที่ซ่อนจากบ้าน จากโบสถ์ ทุกหนทุกแห่งจนกลายเป็นขบวนแถวยาวเมื่อได้ฟังเพลงจากปี่ของเขาอย่างหลงใหล แล้วคนประหลาดคนนั้นก็เริ่มเดินตรงออกจากหมู่บ้านพร้อมกับกองทัพหนูที่วิ่งตามหลังเขา จนไปถึงแม่น้ำเวเซอร์ที่ไหลผ่านหมู่บ้านแห่งนี้ ชายนักเป่าปี่ก็หยุดยืนอยู่ริมแม่น้ำ ในขณะที่ฝูงหนูพากันกระโจนลงน้ำไปเรื่อยๆ จนในไม่ช้าก็ไม่มีหนูเหลืออยู่แม้แต่ตัวเดียว และทั้งหมดก็จมน้ำตายในแม่น้ำนั้นเอง ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ปลอดจากการรบกวนของหนูเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นชายประหลาดก็มาทวงรางวัลจากชาวบ้าน แต่ชาวบ้านทั้งหลายเกิดความเสียดายเงินขึ้นมา จึงไม่ยอมจ่ายค่าตอบแทนให้ พร้อมกล่าวว่า"นายไม่ได้ ทำอะไรเสียหน่อย พวกหนูกระโดดลงน้ำไปเองต่างหาก"และยังขู่จะจับขังนักเป่าปี่อีกด้วยถ้าเขา ยังมามัวตื๊ออยู่
ชายประหลาดโกรธมากเขากล่าวทิ้งท้ายว่า"พวกคุณต้องรักษาสัญญา
ฉันจะเอาสิ่งสำคัญที่สุดของพวกคุณไป" แต่ก็ไม่มีใครสนใจ
ยังกลับหัวเราะเยาะเขาเสียอีก เขาหายตัวไปจากหมู่บ้านแห่งนั้น และวันต่อมา
ชายประหลาดพร้อมปี่กลับมายังเมืองฮาเมลินอีกครั้ง เขาเริ่มเป่าปี่บทเพลงแปลกประหลาดบทใหม่บนถนน
ซึ่งคราวนี้ผู้ติดตามเสียงปี่ของเขาที่ออกจากบ้านทุกหลัง กลับกลายเป็นเด็ก
เด็กๆที่มีอายุมากกว่า 4 ปีต่างก็มารวมกันและเดินตามเขาไปจนในไม่ช้าเด็กชายหญิงจำนวนกว่า 130 คนต่างก็เต้นรำร้องเพลงตามทำนองของเสียงปี่ออกไปนอกเมือง
และจากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครพบเห็นชายประหลาดและเหล่าเด็กๆ อีกเลย
เวอร์ชั่นเดิม: มันมีบทสรุปเรื่องราวต่อจากนั้น
เล่าถึงซะตากรรมของเด็กที่ชายเป่าปี่พาไป
คือเวอรชั่นเดิมชายเป่าปี่พาเด็กออกนอกเมืองไปจนถึงถ้ำแห่งหนึ่ง
เมื่อเด็กทุกคนเข้าไปในถ้ำหมดแล้ว
ชายประหลาดก็ปิดปากถ้ำขังเด็กทั้งหมดไว้ข้างในจนขาดใจตายอยู่ในถ้ำ(บางแห่งกล่าวว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มีเด็กรอดตายเพียงแค่
2 คนเท่านั้น) ส่วนอีกเวอรชั่นหนึ่งบอกว่าชายเป่าปี่ได้พาเหล่าเด็กๆ
ไปที่แม่น้ำสายหรนึ่งแล้วเอาพวกเด็กนั้นไปถ่วงน้ำให้ขาดใจตาย(ยกเว้นเด็กชายคนหนึ่งที่รอดชีวิต)
ซึ่งเด็กสมัยใหม่ยอมรับไม่ได้กับจุดจบของเหล่าเด็กๆ ในเทพนิยายเรื่องนี้
ฉบับเต็มๆ ประกอบด้วยนิทาน 200 เรื่อง เรื่องเล่านักบุญ 10 เรื่อง อ่านได้ในนี้
มีครบ(ภาษาอิงนะจ้ะ)
เครดิต : http://writer.dek-d.com/twinsprince/story/viewlongc.php?id=750618&chapter=3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น